แชร์ด้วยนะคะ

# การเตรียมการรับมือภัยพิบัติโควิด-19

# การเตรียมการรับมือกับโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอนและตัวกลายพันธ์อื่น ๆ  

สายพันธ์โอมิครอนเป็นสายพันธ์ที่แพร่เชื้อง่าย จึงติดเร็ว แต่เชื้ออยู่แค่เพียงหลอดลม  วิธีป้องกันหลังจากกลับเข้าบ้านมาแล้ว อาบน้ำสระผม แล้วต้มสมุนไพรเพื่อสูดดม เป็นการฆ่าเชื้้อในหลอดลมและทางเดินหายใจ หรือก่อนนอนก็ทุบหัวหอมวางไว้ข้างหมอนสักหัวก็พอ ถ้าเป็นเด็กอ่อนก็นำมาใช้ได้เหมือนกัน หรือใช้วิคก์ป้ายจมูก ป้ายคอ หน้าอก เท้า ก่อนนอน

ผู้อ่านหลายคนที่ติดตามมา คงจะทราบว่าผู้เขียนไป fight เรื่องโควิดกับหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ เลยให้กับชาวบ้าน ผู้เขียนต้องเอาอาหาร ยาไทย ไปใหด้วยความเมตตา ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นทุกอย่างขาดแคลนไปหมด ไปแจกให้คนป่วย จนตัวเองได้รับเชื้อมาถึงสามรอบ แต่ในวิกฤตกลับมีโอกาส ทำให้เราค้นพบว่า รักษาตัวเองอยู่กับบ้านด้วยยาไทย สมุนไพรไทยล้วน ๆ โดยไม่ใช้ยาแผนปัจจุบันสักอยางเดียว ก็ทำให้เราหาย รอดตายจากโควิดได้ด้วยภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยจริง ๆ และนี่คือตัวอย่างผู่ป่วยทั้งบ้านตัวอย่างหนึ่ง ที่เรานำยาไปให้ และยืนยันว่ายาไทย สมุนไพรไทย รักษาโควิดได้จริง ๆ

# ทางรอดจากโควิด-19 (up date จาก Facebook 31/8/21)

จากการเฝ้าสังเกตจากเหตุการณ์โรคระบาดโควิดรอบแรก และรอบสอง ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดได้อย่างสบาย ๆ มีคนป่วยก็จริงแต่พอรับมือและคุมสถานการณ์ได้จนตัวเลขลดเป็นศูนย์  แต่พอระบาดรอบที่สามและสี่ กลับไม่สามารถควบคุมได้ มีการติดเชืออย่างแพร่หลาย จนควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ เพราะสายพันธ์เดลต้าเป็นสายพันธ์ที่ติดง่ายและไวมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่คนเดียวในบ้านที่ติดเข้ามาสามารถแพร่กระจายพันธ์จนติดได้ทั้งครอบครัว จากประสบการณ์ของตังเองที่ได้รับเชื้อโควิด จากการไปช่วยคนป่วยที่ติดโควิดที่ร้องขอยาและอาหารมา ซึ่งตัวเองได้รับเชื้อมา 3 รอบ และก็สามารถหายได้ในทันควันเช่นเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว

จากการที่ตัวเองอยู่ในสายแผนไทย จึงได้เขียนบทความมาตั้งแต่ระบาดรอบแรก เพื่อให้ทุกคนได้ระมัดระวังและป้องกันตัวเอง ซึ่งสามารถรับมือกับการระบาดรอบแรก รอบสองได้ แต่พอรอบที่สามที่สี่ กลับทำได้ยากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ดูแลป้องกันตัวเองเต็มที่ หน้ากากใส่สองชั้น เหมาะยาหม่องน้ำลงในหน้ากากชั้นใน แอลกอฮอลล์พกตลอด ข้าวของที่ซื้อเข้ามาก็ฉีดพ่นน้ำยา ตั้งของทิ้ั่งไว้นอกบ้านก่อน ถ้าของสดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นของแห้ง ตั้งทิ้งไว้เป็นวันๆ ก่อนจะนำมาเก็บในบ้าน และไม่ออกนอกบ้านยกเว้นมีธุระจำเป็นหรือของหมดต้องออกไปซื้อเท่าน้น และถ้ากลับมาบ้าน ก็อาบน้ำ สระผม ฟอกตัวให้สะอาดทันที เสื้อผ้าซํกเลยเช่นกัน อยู่บ้านกินแต่น้ำสมุนไพร น้ำร้อน ๆ ไม่แตะน้ำเย็น น้ำแข็ง ทำทุกอย่างที่ตัวเองเขียนไว้ตลอดเวลา ตอนอยู่บ้าน ออกไปข้างนอกแป๊ป ไม่ติด มาติดตอนที่เอาของไปให้คนป่วยโควิดทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ใส่เครื่องป้องกัน ถามไถ่อาการระยะห่าง ๆ กลับมาถึงบ้านก็ clean ตัวเองทันที แต่พอสัก 2-3 ชั่วโมง เริ่มมีอาการผิดปกติจนเราสังเกตุได้ จากการที่ได้รับเชื้อโควิดมาถึง 3 ครั้ง จึงขอลำดับอาการเป็นขั้นตอน เพื่อให้คนอ่านจะได้มีหลักการในการดูแลตัวเองได้อย่างทันท่วงที

1) อันดับแรก เราต้องมีสติ ทำความเข้าใจ และยอมรับให้ได้ว่า โควิด ตัวรากของโควิดนั้น ก็คือ เชื้อหวัด + เชื้อมรณะ  ดังนั้นเราไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เป็นหวัดได้ ถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม แตเมื่อเป็นหวัดแล้ว ถ้าเราดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มเป็น ก็สามารถหายได้เช่นเดียวกัน 

ก) อาการของคนที่ได้รับเชื้อโควิด จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  • รับเชื้อทางลมหายใจ หรือช่องทางเดินหายใจ อาการของคนที่ได้รับเชื้อโควิดทางลมหายใจ จะมีอาการเหมือนคนเป็นหวัด ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนมีไข้ ร่างกายจะรู้สึกว่า drop ลง มึนศรีษะ คัดจมูก เริ่มมีน้ำมูก เสียงพูดจะเริ่มอู้อี้เหมือนคนเป็นหวัด ให้รีบกินยาสมุนไพรไทยทันที ตอนที่ผู้เขียนเริ่มได้รับเชื้อมา ผู้เขียนกินน้ำสมุนไพรร้อน ๆ และตามด้วยยาเขียว พอยาเขียวขาดตลาด ก็กินยาขม ก่อนเข้านอนเท่านั้น พอวันรุ่งขึ้นอาการเหล่านี้ก็หมดไป แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็กินยาตามที่กำกับไว้ในฉลากยา ผู้เขียนกินแค่สองครั้งเป็นอย่างมาก นอกนั้นก็กินน้ำสมุนไพรร้อน ๆ โดยเฉพาะน้ำขิงร้อน ๆ ก่อนนอน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในร่างกายระหว่างนอนหลับ
  • รับเชื้อทางปากหรือช่องทางเดินอาหาร อาการของคนที่ได้รับเชื้อ จะมีอาการคันคอ ไอ ท้องเสีย ท้องร่วง ถ้ามีอาการแบบนี้ให้กินยาฆ่าเชื้อ น้ำขิงชนิดเข้มข้น ฝานเปลือกมะนาวลงไปด้วย แต่ถ้าเป็นเด็กให้ใช้น้ำขิงรสอ่อน ๆ ฝานเปลือกมะนาว ใส่น้ำผิ้งหรือน้ำตาลนิดหน่อยพอ แต่ถ้าไม่ใส่น้ำตาลน้ำผึ้งเลยจะดีมาก เพราะโควิดชอบของหวาน กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ หรือนำยากลั้วปาก กินอาหารร้อน  ๆ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย เช่น ต้มยำ แกงเลียง แกงจืด เป็นต้น สำหรับอาการท้องเสีย อย่ากินยาหยุดถ่าย เพราะกลไกในร่างกายของเรา กำลังขับเชื้อโควิดออกจากร่างกาย ด้วยการถ่ายออก ปกติเชื้อโควิดจะอยู่ที่ลำคอก่อนจะเข้าไปสู่ปอด ดังนั้นต้องรีบขจัดเชือก่อนเข้าปอดให้ได้ มิฉะนั้นจะมีอาการหนักได้

2) เมื่อทำความเข้าใจแล้วว่าโควิดเป็นแล้วรักษาให้หายได้ เราจะดูแล ป้องกันตัวเองอย่างไร จากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา หลายคนต้มน้ำสมุนไพรกิน ไม่ว่าน้ำขิง น้ำกระชาย บางคนต้มเครื่องสมุนไพรไว้สูดดม รมตัว อย่างที่แนะนำตอนแรก ๆ ก็ยังมีคนป่วย ขนาดผู้เขียนเองก็ยังติดมา ทั้ง ๆ ที่เป็นเขียนเอง ทำเอง ป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว จึงสรุปได้ว่า สายพันธ์เดลต้า ติดได้ง่ายมาก แค่อยู่ห่าง ๆ กับคนที่ติดเชื้อ ยังสามารถติดได้ทันทีเลย นับประสาอะไรกับคนที่ติดเชื้อแล้วไม่รู้ตัว กลายเป็นคนแพร่เชื้อไปได้โดยปริยาย แต่ผู้เขียนได้รับเชื้อมาถึง 3 ครั้งแล้ว เรารอดมาได้เพราะ 

  • เรายอมรับมันว่าเชื้อโควิด คือเชื้อหวัด เ่ป็นได้ ก็รักษาได้ โดยดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มเป็น เริ่มได้รับเชื้อทันที โดยสังเกตอาการของตัวเองว่าผิดปกติหรือไม่
  • กินน้ำสมุนไพรร้อน ๆ ตลอดเวลา โดยการสับเปลียนหมุนเวียนน้ำสมุนไพร เช่นวันนี้กินน้ำขิง พรุ่งนี้กินน้ำมะนาว อีกวันกินน้ำกระชาย วันต่อไปกินน้ำตะไคร้ สลับสับเปลี่ยนทุ่กวันหรือทุกสองสามวัน เพื่อไม่ให้เกิดความสะสมของตัวยาในสมุนไพรเฉพาะอย่างมากจนเกินไป หรือถ้าไม่มีสมุนไพร กินน้ำอุ่นร้อน ๆ นี่แหละค่ะ ก็ช่วยได้เช่นเดียวกัน  การกินน้ำสมุนไพรจะเป็นตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีความต้านทานต่อเชื้อโควิด แต่ไม่ได้รับประกันว่าไม่ติดเชื้อ แต่จะช่วยให้ร่างกายเรามีภูมิต้านทาน ถ้าติดเชื้อโควิดขึ้นมาก็สามารถช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
  • คำถาม ทำไมกินน้ำสมุนไพรอย่างเดียว ถึงป้องกันโควิดไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ รอบแรก รอบสองยังผ่านมาได้ คำตอบ เพราะโควิดสายพันธเดลต้าถูกพัฒนาหรือทำให้กลายพันธ์ เพิ่มความรุนแรงให้มากขึ้น ติดง่ายขึ้น ดังนั้นการที่เรากินน้ำสมุนไพร ตัวยาในสมุนไพรได้เจือจางลงจากการต้มน้ำเข้าไป จึงไม่มากพอที่จะป้องกันไม่ให้ติดโควิดสายพันธฺเดลต้า แต่ก็ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีความต้านทานเชื้อ บางคนถึงติดเชื้อ บางงคนไม่ติดเชื้อ เพราะภูมิต้านทานของแต่ละคนไม่เท่ากัน มากน้อยต่างกันตามสภาวะร่างกายของแต่ละคน

3) เมื่อได้รับเชื้อโควิดเข้าร่างกาย จะต้องกินยาเท่านั้น เพราะน้ำสมุนไพรหรือการสูดดมสมุนไพร ไม่สามารถเอาเชื้อโควิดได้อยุ่หมัด ณ เวลานี้ผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก ต้องรีบป้องกันตัวเองโดยการกินยาสมุนไพรไทยทันที เช่น ยาเขียว ยาขม ฟ้าทะลายโจร เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ขียนกิให้เชื้อขยายตัวเพิ่มขึ้นจนลงปอด การกินยาตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ ๆ เหมือนที่ผู้เขียหกินยาสมุนไพรดักทางไว้ตั้งแต่เริ่มรู้สึกอาการไม่ค่อยดี โดยการกินยาก่อนเข้านอนแล้วตบด้วยน้ำขิงร้อน ๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายเวลาหลับ ตื่นเช้ามาอาการต่าง ๆ ที่รู้สึกไม่ดี ก็หายเป็นปลิดทิ้ง อาการเข้าสู่สภาวะปกติอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้น คนทีพึ่งติดโควิด จึงต้องกินยาทันที เพื่อไม่ให้เชื้อลงปอด จนต้องเข้ารักษาตัวเองในสถานพยาบาล 

4)  ทำไมต้องกินยาสมุนไพรไทย กินยาแผนปัจจุบันได้หรือไม่  เรื่องนี้จากประสบการณ์ของผู้เขียนและผุ้ป่วยหลาย ๆ คน ที่หิ้วข้าว หิ้วยา และเป็นที่ปรึกษามาตลอด จนหายกลับบ้านได้ เราสามารถรักษาตัวเองได้ทั้งยาแผนไทยและแผนปัจจุบัน แต่ผู้เขียนให้คนป่วยตัดสินใจเองว่าจะกินยาไทยหรือยาแผนปัจจุบันกันเอง โดยอธิบายว่า การกินยาไทยจะเป็นการรักษาเชื้อโควิด โดยการขับเชื้อ กระทุ้งพิษโควิดให้ออกจากร่างกาย ส่วนยาแผนปัจจุบัน ผู้เขียนให้ผู้ป่วยกินยาฆ่าเชื้อ ขจัดเชื้อในลำไส้และทางเดินอาหาร คนใดมีอาการถ่ายท้อง ก็ให้เขาถ่ายท้องไปตามปกติ อย่ากินยาหยุดถ่าย เพราะร่างกายกำลังขับเชื้อโควิดออกจากร่ายกายของเรานั่นเอง

5)  สำหรับคนป่วยที่อาการหนัก เชื้อลงปอดแล้ว จะต้องติดต่อไปที่หน่วยงานแพทย์แผนไทยที่อยุ่ใกล้บ้าน เพื่อขอคำปรึกษาและรับยา เพื่อขจัดเชื้อที่เข้าปอดไม่ให้ลุกลามหนัก จนเกินเยียวยา หรือในระหว่างรอการเข้ารับการรักษาใน รพ. อย่าปล่อยปละละเลยตัวเองว่าเข้า รพ. ก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีอาการหนักมาก เหมือนกับคนป่วยหลายรายที่ป่่วยหนักและเสียชีวิตไปในที่สุด

บทสรุป โควิดก็คือเชื้อหวัด ที่เป็นแล้วรักษาได้ ถ้ารีบรักษาตัวเองตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นใหม่ ๆ โดยการกินยาสมุนไพร กินน้ำสมุนไพร ผู้เขียนติดเชื้อโควิดจากการนำของไปให้ผู้ป่วยที่ร้องขอยา ขออาหาร ทดสอบกับตัวเองมาแล้วว่าติดเชื้อถึง 3 ครั้ง รักษาตัวเองด้วยการกินยาไทยพร้อมกับกินน้ำสมุนไพร อาการป่วยก็หาย ร่างกายกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม โดยที่ผุ้เขียนไม่ได้กินยาเยอะแยะแต่อย่างใด กินเหมือนที่เรากินยาดักไข้หวัดเวลารู้สึกอาการไม่ดีเท่านั้นเอง ผู้เขียนใช้ตัวเองเป็นหนูลองยา ไม่ได้ฉีดวัคซีนสักเข็มเดียว กินยาสมุนไพรล้วน ๆ รับเชื้อโควิดมา 3 รอบ ยังรักษาชีวิตตัวเองผ่านมาได้ เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนจับหลักการที่ผู้เขียนนำไปใช้เพื่อการดูแลรักษาตัวเอง จำไว้นะคะ หลักการนี้คือการดูแลรักษาตัวเองเบื้องต้นในการได้รับเชื้อใหม่ ๆ เหมือนเรากินยาสามัญประจำบ้านนั่นแหละค่ะ แต่ถ้าเริ่มมีอาการหนัก เชื้อลงปอดแล้ว อย่างไรก็ตามต้องรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาโดยทันที เพราะคนที่ป่วยอาการหนัก จำเป็นต้องได้รับยาที่เพิ่มมาก่ขึ้น ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อที่จะจ่ายยาได้ถูกต้องตามอาการของคนป่วยนะคะ อย่าริกินยาเอง เพิ่มยาเอง โดยพละการ เพราะการกินยามากจนเกินไป โดยไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ ถึงแม้จะเป็นการกินยาสมุนไพรก็ตาม จะมีผลอันตรายกับร่างกายถ้ากินมากเกินไป

 

 

 

ตัวอย่างบุคคลที่ทำงานสุ่มเสี่ยง

ทำงานเป็นพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร

ประจำเขตการเดินรถที่ 7 (อู่ท่าอิฐ) 

พี่ช้างกับพี่อี๊ด มารับคำปรึกษาในการกินสมุนไพรดูแลตัวเองมาตลอดเวลา ทำงานสุ่มเสี่ยง แต่ตรวจผลโควิดทุกครั้ง ผลออกมาเป็นลบทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ เพื่อนบางคนทำงานใกล้ชิดติดโควิด แต่พี่ทั้งสองไม่ได้รับเชิ้อแต่อย่างใด เพราะการกินยาไทย กินน้ำสมุนไพรไทย

 

up date 16 ก.ค. 64

โควิดเดลต้า สายพันธ์นี้แพร่ไวและรุนแรงมาก เพราะฉะนั้นมาตรการต้องเข้มข้นขึ้น การจรับมือแบบธรรมดาไม่ได้ผลแล้วค่ะ ต้องใช้มาตรการระวังตัวแบบเข้มข้น

  • กระบอกน้ำฟ๊อกกี้ กระบอกน้ำแรงดันสูง เครื่องพ่นฆ่าเชื้อ ให้มีติดไว้ทุกบ้าน ซื้อตามกำลังทรัพย์ที่มี กระบอกน้ำฟ๊อกกี้ ร้าน 20 บาท มีขาย ส่วนอื่น ๆ ใน lazada, shoppee มีสั่งได้   เอาไว้ฉีดพ่นตัวเองเวลากลับเข้าบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ในบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องใช้แอลกอฮอลล์ ถ้ากำลังซื้อไม่พอ ใช้น้ำเกลือ น้ำส้มสายชูผสมน้ำฉีดพ่นได้เหมือนกัน  เนื่องจากตอนนี้เป็นหน้าฝน ฝนตกทุกวัน แสงแดดไม่ค่อยมี ทำให้เชื้อที่ล่องลอยอยู่ในอากาศไม่ตายเพราะความร้อน ดังนั้นของตรงนี้จำเป็นให้ซื้อติดบ้านไว้เลยค่ะ
  • Mask  ต้องใส่ 2 ชั้น ชั้นในสุดให้เหยาะพิมเสนน้ำหรือยาหม่องน้ำไว้  ใช้เฉพาะยามออกนอกบ้าน ไปที่สุ่มเสี่ยง อย่าใส่น้ำมันหม่องน้ำตลอดเวลา จะทำให้ประสาทการดมของจมูกเสียได้ และหน้ากากให้เปลี่ยนซักทุกครั้งเมื่อกลับเข้าบ้านมาแต่ละครั้ง อย่าใส่ซ้ำกันตลอดทั้งวัน ไม่ปลอดภัยค่ะ
  • Face shield ในบ้านที่มีคนป่วย นอกจากใส่ mask แล้ว เราต้องใส่ face shield เวลาเข้าไปดูแลคนป่วยในบ้านด้วย
  • ถุงมือยางแบบยาวจนถึงข้อศอก แขน ให้ใส่ไว้ยามดูแลคนป่วยในบ้าน อย่าไปซื้อถุงมือยางแบบแพทย์มาใช้นะคะ ปล่อยให้แพทย์เขาใช้กันเถอะ เราใช้ถุงมือยาง ถุงมือพลาสติก ถ้าไม่มี ถุงหิ้วในบ้าน เวลาซื้อของไม่ต้องทิ้ง เอามาตากแดดจัด ๆ หรือล้างใส่แฟ๊บ ตากแดดก็ใช้ได้เหมือนกัน ตอนนี้ประหยัดกันไว้ดีที่สุด
  • เสื้อกันฝนแบบ 20 บาท ไปซื้อมา แล้วเผื่อสำรองไว้อีกตัว ไม่ต้องไปซื้อตุน เพราะสามารถเอาไปซักตากแดด ผึ่งลมได้ แป๊ปเดียวก็แห้งแรง ถ้าไม่มีจริง ใช้ถุงดำขยะ ตัดก้นถุงกับด้านช้าง เพื่อสวมคอ สวมแขนให้ออกมาได้  สวมเสื้อกันฝนนี้ไว้ดูแลคนป่วยทุกครั้ง
  • น้ำแข็งงดได้ให้งดไปเลยช่วงนี้ ถ้าอยากกิน ทำน้ำแข็งในตู้เย็น จากน้ำต้มสุก หรือแช่เย็นไว้ เพราะตอนนี้โควิดระบาดตามโรงน้ำแข็งไปทั่ว
  • เกลือเม็ดไปหาซื้อมาติดบ้าน โลแค่ 10 บาท 5 กก. 50 บาท ถูกมาก แต่ประโยชน์มหาศาล เพราะสามารถนำเกลือมาละลายน้ำร้อน เช็ดตัวคนป่วย ดีกว่ายาฆ่าเชื้อแพง ๆ อีก แถมเอามาทำความสะอาดบ้านได้ด้วย

และให้ละลายน้ำเกลือใส่ขวดไว้ หลังจากแปรงฟันเสร็จให้กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ ละลายแบบอ่อนๆ กลั้วคอหลังแปรงฟันเสร็จ อย่าใส่แบบเข้มข้น เพราะจะทำให้ระคายคอ แทนที่จะป้องกันโควิด ทำให้คออักเสบมีแผลเพราะน้ำเกลือกัดเนื้อเยื่อลำคอเรา ทำให้ ติดโควิดง่ายเข้าไปอีก ทำอะไรมีสติกันบ้างนะจ๊ะ ของบางอย่างมากไปก็ให้โทษได้

น้ำส้มสายชูอีกตัว ใช้ได้เช่นเดียวกัน  ของต่าง ๆ เหล่านี้ ไอยวิเคราะห์แล้ว สามารถป้องกันดูแลตัวเองได้ดี ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย เหมาะกับยามที่เงินหายากแบบนี้

  • กินอาหารที่ประกอบด้วยสมุนไพร ไม่ใส่สารเคมี เช่น ผงชูรส  กินเป็นประจำทุกมื้อ ทุกคราวเสมอ งดของมัน ๆ ทอด ๆ ทั้งหลาย โดยฉพาะบ้านที่มีคนป่วยโควิด  เช่น ต้มยำน้ำใส ห้ามใส่นมหรือน้ำพริกเผาลงไปนะคะ, แกงป่า, แกงจืด เป็นต้น
  • สำหรับยาสมุนไพรที่ขาดตลาด ให้ไปหาต้นฟ้าทลายโจรมาปลูกกันทุกบ้าน กินเวลามีไข้ ไอ เจ็บคอ โดยเอาใบสด ๆ 4-5 ใบ แช่น้ำร้อน ทานได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปรอยาเม็ดฟ้าทลายโจรหรอกนะคะ กินสด ๆ สรรพคุณดีกว่ายาเม็ดที่เอามาบดเป็นผงด้วยซ้ำ แต่ฟ้าทลายโจรกินติดต่อกันไม่ดี ต้องเว้นไว้บ้าง รายละเอียดต่าง ๆ มีบอกกันในกูเกิ้ลแล้ว เข้าไปศึกษากันเองนะคะ เขียนแล้วยาว
  • ทุก ๆ วัน ให้กินน้ำร้อนเสมอ ๆ จะกินเป็นน้ำสมุนไพร หรือน้ำอุ่นร้อน ๆ ก็ได้
  • ขับถ่ายทุกวัน อย่าให้ขาด นี่คือข้อสำคัญเลย
  • บริหารจัดการเรื่องการออกไปข้างนอก ให้ออกไปเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ การไปตลาดซื้อของกิน ให้ซื้อของมาพอใช้เป็นอาทิตย์ จะได้ไม่ต้องไปบ่อย ๆ  เมื่ออกไปข้างนอก กลับบ้านพ่นยาฆ่าเชื้อ อาบน้ำ สระผม ซักผ้าที่ใส่แล้วทันที ตากแดดจัด ๆ  ถ้าแดดไม่มีก็รีดผ้าทุกตัว ก็ฆ่าเชื้อได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
  • การกำจัดขยะติดเชื้อ ถ้าที่บ้านคนป่วย มีที่ว่าง ที่โล่ง ควรนำขยะติดเชื้อใส่วัสดุที่ทนไฟได้ เช่น ปิ๊ป นำขยะกำจัดด้วยการเผาเสีย เพื่อช่วยคนเก็บขยะอีกแรงหนึ่ง อันไหนเผาไม่ได้ ให้หาถุงสีแดง หรือเขียนบอกว่าขยะติดเชื้อ คนเก็บขยะจะได้ระมัดระวัง
  • จำหลักการง่าย ๆ แบบนี้ เราก็ดูแลป้องกันตัวเองได้แล้ว แต่ถ้าอาการไม่ดี ค่อยปรึกษาหมอ เพื่อไป รพ.

up date 6 ก.ค. 64

วันนี้หลายเรื่องที่เขียนไป อาจจะกระทบกับทุกภาคส่วน ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ ที่จำเป็นต้องพูด เพื่อก่อให้เกิดแนวความคิดที่ทุกคนจะได้ร่วมมือร่วมใจกันได้ เรื่องแรกเลยคือรัฐบาล ท่านต้องลำดับความคิดและการทำงานใหม่นะคะ ตอนนี้เข้าใจค่ะว่า โรคโควิดระบาดหนัก ไหนจะคนป่วยล้น รพ. ไหนจะวัคซีนมีไม่เพียงพอ ไหนจะคนที่ตกงานอดอยาก ไม่มีจะกิน ท่านไม่รู้จะช่วยตรงไหนก่อนดี เงินที่มีก็น้อยนิดไม่เพียงพอที่จะแจกจ่าย ใช่มั้ยค่ะ
 
ตอนนี้ท่านหยุดก่อน และคิดเรียบเรียงการทำงานใหม่ก่อนนะคะว่าจะลำดับขั้นตอนอย่างไรที่จะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถช่วย รพ. ทีมแพทย์ คนป่วย และประชาชน
 
ภาครัฐค่ะ โควิดรอบบนี้ระบาดหนักมาก รอบสามก็ร่วมสามเดือนแล้ว และกำลังจะระบาดรอบสี่ด้วยซ้ำ ท่านงง อะไรกันอยู่ค่ะ ลงมือทำงานอย่างจริงจัง รวดเร็วให้ทันกับเหตุการณ์ได้แล้วค่ะ
 
1. รพ. ในเขตโซนสีแดง คนป่วยล้น รพ. จนต้องออกมารอเตียงกันหน้า รพ. เต็มไปหมด แพทย์และบุคคลกร ทำงานจนล้นมือ เรี่ยวแรงก็ถดถอย มิหนำซ้ำอาจจะติดโควิดได้ง่าย ๆ อีก ถ้ายังเป็นแบบนี้ อันดับแรกจัดการเรื่องสถานที่ที่จะรับคนป่วยก่อนเลยค่ะ ในเมื่อ รพ. รัฐเต็ม ท่านวางแผนเตรียมการให้ รพ. เอกชนทุก รพ. รับคนป่วยที่ติดโควิดอย่างไม่มีเงื่อนไข อย่างอแง เพราะนี่คือหน้าที่และจรรยาบรรณของแพทย์ และสถานประกอบการทางการแพทย์ อย่าเห็นแก่เงิน จนปล่อยปละละเลยชีวิตคนทั้งคน ศูนย์โควิดต่าง ๆ ตั้งมาเพื่อช่วยและประสานงาน จะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ รองรับกับความต้องการของผู้ป่วยให้ได้

รพ. สนามที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ไม่ทันการ ตอนนี้โควิดระบาดหนักลามไปติดนักเรียน โรงเรียนก็ไม่ได้ไปกัน เพราะเรียนทางออนไลน์ ตอนนี้สถานศึกษาในเขตโซนสีแดงปิดทำการ ท่านขอความร่วมมือกับสถานศึกษา มหาลัย โรงเรียนต่าง ๆ ให้เปิดพื้นที่ทำเป็น รพ. สนาม ได้แล้วนะคะ อย่าบอกว่ากำลังคนไม่พอ มีค่ะ ระดมทหาร ระดมจิตอาสา เข้าไปและอบรมเขาเหล่านี้ในเรื่องการดูแล การป้องกันโควิด จะได้เป็นกำลังสำรอง เพื่อให้บุคคลกรทางการแพทย์ได้มีกำลังเข้าไปดูแลคนป่วยหนัก คนป่วยโคม่าได้อย่างเต็มกำลัง ตอนนี้ทุก รพ. สับสนวุ่นวายกันไปหมดทั้งคนปวยหนักอาการโคม่า คนป่วยร้ายแรง คนป่วยเริ่มแรก และคนที่กำลังป่วยอัดกันจนล้น รพ. 

ทำไมต้องเตรียมสถานที่เพื่อรองคนป่วยโควิดไว้ ท่านต้องมองล่วงหน้า ประเมินผล และคาดการณ์ ต้องวางแผน 1 แผน 2 แผน 3 และแผนสำรอง

ก) โซนสีแดง มี 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, นนทบุรี, นครปฐม, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, ชลบุรี, ตาก,  สงขลา, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส

จังหวัดที่เป็นพื้นที่โซนสีแดง จัดระเบียบการรับผู้ป่วยใหม่

ก) ผู้ป่วยโคม่า อาการขั้นวิกฤต ที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ็ทางการแพย์เพื่อช่วยชีวิต ให้รักษาตัวอยู่ใน รพ. รัฐ เมื่อเตียงเต็มขยายจึงค่อยไปยัง รพ. เอกชน 

ถ้า รพ. เต็ม ค่อยขยับผู้ป่วยออกไปยัง รพ. จังหวัดใกล้เคียง เริ่มจาก รพ. ที่ 1 ก่อน เพื่อ รพ. ที่เหลือจะได้รองรับผูป้วยทั่วไปได้ แต่เมื่อ รพ. ที่ 1 เต็มแล้ว จึงคอยขยายไป รพ. ที่ 2 ถ้าทำแบบนี้จะได้จำกัดว่า รพ. นั้น ๆ  รับผู้ป่วยโควิดเท่านั้น

ในกรณีที่โรงพยาบาลรัฐเต็ม ส่งผู้ป่วยโคม่า เข้าขั้นวิกฤตไปยัง รพ. เอกชน 

ถ้าโควิดยังระบาดร้ายแรงไม่จบ ค่อยยกระดับไปยังจังหวัดต่าง ๆ ให้เริ่มจากจังหวัดใกล้โซนสีแดงก่อน แล้วถึงจะขยับขยายไป เพื่อป้องกันโรคโควิดไม่ให้แพร่กระจาย

เอาล่ะ ภาครัฐต้องบริหารจัดการเรื่อง รพ. ให้ลงตัว ต้องจัดสรรทุก รพ. ว่าเมื่อเกิดวิกฤตแบบนี้จะทำงานกันแบบไหน ขั้นตอนอย่างไร พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ได้อย่างลงตัว เพื่อรักษาบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ให้สามารถทำงานกู้วิกฤตครั้งนี้ให้ได้

ตอนนี้ภาครัฐมีหน้าที่สำคัญอันดับแรก คือ ต้องบริหารจัดการเรื่องโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เงินที่มี รวมทั้งเงินกู้ ให้นำมาใช้จ่ายตรงจุดนี้เป็นสำคัญ ส่วนภาคประชาชน เดี่๋ยวจะขยายให้ฟังตอนต่อไป ตอนนี้รัฐมีหน้าที่ต้องช่วยผู้ป่วยให้รอดตาย เซฟบุคลากรทางการแพทย์ ให้ได้ 

เราพูดถึงการบริหารจัดการโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้เพียงพอและรองรับผู้ป่วยได้ ทีนี้เราหันมาบริหารจัดการผู้ป่วยโควิดระดับต่าง ๆ บ้าง

ข)  การจัดระดับผู้ป่วย ให้แบ่งออกเป็นโซน 

1)  ผู้ป่วยระดับโคม่าขั้นวิกฤต ให้จัดผู้ป่วยระดับนี้อยู่ในโรงพยาบาล และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่รองรับเท่านั้น เมื่อผู้ป่วยพ้นอาการโคม่า ไม่มีอาการขั้นวิกฤตแล้ว ให้ย้ายโซนมาที่ผู้ป่วยระดับร้ายแรง ไม่ถึงขั้นวิกฤต เพื่อเคลียร์เตียงให้กับผู้ป่วยที่โคม่าแต่รอเตียงอยุ่

2)  ผู้ปวยระดับร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต ให้จัดอยู่ในโซนนี้ และเมื่อทุกโรงพยาบาลเต็มหมด ค่อยขยับไปเข้า รพ. สนามแทน เพื่อรับการรักษา เมื่ออาการดีขึ้น ให้ย้ายไปเป็นผู้ป่วยไม่รุนแรง

3)  ผู้ป่วยระดับไม่รุนแรง สามารถช่วยเหลือตนเองได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

a)  ผู้มีความสามารถในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินกว่าที่รัฐออกให้ โดยจัดโรงแรมที่ให้ความอนุเคราะห์หรือร่วมกับรัฐ ในการรับผู้ป่วยระดับนี้เข้ามาดูแล โดยรัฐออกค่าใช้จ่ายตามงบประมาณที่กำหนด ส่วนเกินที่ผู้ป่วยแสวงหาหรือต้องการพิเศษนอกเหนือจากนั้น ต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง หรือที่เราเรียกกันว่า “ผู้ป่วยห้อง VIP” 

b)  ผู้ที่ต้องการรับการรักษาในงบประมาณของรัฐ 

ถ้าเราบริหารจัดการแยกประเภทความหนักเบาของอาการได้ เราก็จะสามารถบริหารจัดการโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ รวมทั้งจัดโซนของผู้ป่วย ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง เราก็บริหารจัดการให้ไปอยูที่ในที่จัดไว้ ปัจจุบันด้วยสถานการณ์โควิด โรงแรมต่าง ๆ ไม่มีนักท่องเที่ยว ต้องปิดกิจการบ้าง พักกิจการบ้าง ทำให้ผู้ประกอบการขาดรายได้ ซึ่งนั่นส่งผลกระทบต่อลูกจ้างพนักงานของโรงแรมที่ต้องถูกเลิกจ้าง ถูกพักงานตามไปด้วย เมื่อส่งคนไข้เข้ามาพักฟื้นรอจนหายสนิทดีแล้ว จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินงานต่อไปได้ ถึงแม้จะได้ไม่เต็มร้อยก็ตาม แต่ที่สำคัญทำให้พนักงานที่ต้องหยุดพักงานหรือถุกเลิกจ้าง ได้มีโอกาสกลับเข้ามาทำงานได้อีกครั้งหนึ่ง สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มใหญ่อีกเช่นกัน อย่าไปมองว่าอุ้มแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะเราจะได้ไม่ต้องไปสรรหา จัดสร้าง รพ. สนามที่ไหน ในเมื่อเรามีสถานที่ที่มีห้องเป็นจำนวนมากทั่วประเทศรองรับได้สบาย ๆ 

ตอนนี้เราบริหารจัดการผู้ป่วยโควิดขั้นโคม่า ขั้นร้ายแรง ขั้นรุนแรงแล้ว มาดูวิธีจัดการปัญหาผู้ติดโควิดที่อาการน้อย ผู้ที่มีผลเป็นบวก ผู้ที่ติดโควิดแต่ไม่แสดงอาการบ้าง สำหรับผู้ที่ติดโควิด ตอนนี้เราขอแยกผู้ที่ติดโควิดเป็นผ้ที่มีอาการน้อยมาก เพื่อเราจะได้แยกประเภทออกจากอาการของผู้ป้วยโควิดระดับขั้นรุนแรงได้  ดังนั้น

ก)  ผู้ที่ติดโควิทเริ่มแรก แสดงอาการน้อย ผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้อยู่ใน รพ. สนาม ถ้า รพ. สนามไม่พอ ให้ใช้สถานศึกษาต่าง ๆ เป็นสถานที่รองรับผู้ป่วย โดยให้การรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ควบคู่ไปกับยาแผนโบราณ สมุไพรไทยต่าง ๆ โดยประเมินผลการรักษาทุกวัน ถ้ามีอาการุนแรง ค่อยยกระดับส่งเข้าไปรักษาใน รพ. 

การบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยในส่วนนี้ เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ มีจำนวนจำกัด เราสามารถเปิดรับสมัครจิตอาสาบุคลากรทางการแพทย์ที่เกษียนไปแล้ว หรือผู้ที่ผ่านการอบรมทางการแพทย์  ซึ่งบุคคลเหล่านี้อาจจะเป็นทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่่ ซึ่งมีความรู้พื้นฐานในการดูแลและบริบาลคนติดโควิดได้ดีกว่าจิตอาสาที่เป็นบุคคลทั่วไป ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์อันยาวนานของคนเหล่านี้ จะช่วยดูแลคนติดโควิดระดับนี้ได้อย่างดี และทำงานไม่หนักจนเกินกำลังของตนเอง

ข) ผู้ที่มีผลเป็นบวกและผู้ที่ไม่แสดงอาการ  บุคคลเหล่านี้ รัฐต้องจัดสถานที่เป็นสถานที่กักตัว ทำการรักษาด้วยแผนปัจจุบันและแผนโบราณ จนผลบวกออกมาเป็นลบ และทำการฉีดวัคซีนโควิดให้เรียบร้อย ค่อยส่งกลับบ้านได้  ตอนนี้ผู้ป่วยระดับนี้มีมาก มีหลายๆ คลิปออกมาว่า รพ. จัดยาให้แล้วให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน วิธีคิดแบบนี้ผิดนะคะ ต่อให้จัดยาแผนปัจจุบันและแผนไทยเพื่อรักษาตัวแล้วก็ตาม แต่ต้องอยู่ในที่สถานที่กักตัวเป็นสัดส่วน แยกออกจากคนปกติ เพราะเชื้อยังมีอยู่ในร่างกายและสามารถติดต่อไปยังคนอื่น ๆ ได้ง่าย อย่าลืมนะคะว่าภูมิต้านทานของคนเราแต่ละคนมีไม่เท่ากัน การจะกักตัวเอง รักษาตัวเองที่บ้าน ให้เป็นสถานที่สุดท้ายที่ทุกแห่งเต็มหมดก่อน ค่อยกักตัวที่บ้านก็แล้วกัน

การบริหารจัดการในการดูแลในเคสนี้ สามารถใช้สาธารณสุขท้องถิ่น ตำบล หมอพื้นบ้าน อสม. และจิตอาสาที่ได้รับการอบรมทางการแพทย์เบื้องต้น มาบำบัดดูแลได้ 

ในเมื่อเราบริหารจัดการในเรื่องของ รพ. บุคคลกรทางการแพทย์ และคนป่วยตาง ๆ ได้แล้วนั้น ตอนนี้เราพูดถึงภาคประชาชนกันบ้าง เพื่อที่เราจะได้วางแผนงานกันต่อไป ณ เวลานี้ โควิดแพร่ระบาด วัคซีนไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยที่ทวีเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังกับการฉีดวัคซีน เพราะถ้ามัวรอฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน ในสถานการณ์ตอนนีคงไม่ทันการแล้ว เพราะอะไรรู้มั้ยค่ะ เพราะประเทศชาติกำลังหายนะเข้าไปทุกที เรารอช้าไม่ได้แล้ว

up date 7 ก.ค. 64 ผู้ป่วยยอดรวมทั้งประเทศวันนี้ คือ

 

ตอนนี้ทุกคนมาดูตัวเลขผุ้ป่วยกันก่อน ผู้ป่วยรายวันยังไม่ต้องพูดถึง ให้ดูตัวเลขของผู้ป่วยสะสม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. จนถึง 7 ก.ค.  

งบประมาณในการรักษาผู้ป่วยโควิดฟรี ต้นทุนตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท ทุกคนมองอะไรเห็นชัดเจนหรือยังค่ะ  ตอนนี้เรามีผู้่ป่วยสะสมเกือบ 300,000 คน คนที่ป่วยโควิดอาการไม่หนักมาก ค่ารักษาหัวละ 100,00 บาทต่อคน เ่ท่ากับรัฐต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่อย่าลืมวาคนป่วยโคม่าขั้นรุนแรงมีเยอะ รักษาตัวพักฟื้นอีกเป็นเดือน ค่ารักษาประมาณ 1,000,000 บาทต่อคน เท่ากับรัฐต้องจ่ายเงินประมาณ 300,000 ล้านบาท 

โควิดรอบแรก รัฐกู้เงินมา 1 ล้านล้านบาท โควิดรอบสาม กู้เพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท ณ วันนี้รัฐมีเงินอยุ่ 5 แสนล้านบาท หมดค่ารักษาไปแล้ว 3 แสนล้านบาท ทุกคนเห็นหรือยังว่าประเทศไทยกำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี้ ถ้าไม่สามารถหยุดโควิดให้แพร่กระจายเป็นวงกว้างได้ ต่อให้เรามีเงินทุนสำรองมากเท่าใด ก็คงไม่พอ เพราะผู้ป่วยรายวันมีแต่เพิ่มมากขึ้น ในไม่ช้าเงินที่รัฐกู้มาในโควิดรอบที่สามก็จะหมดลงไปในไม่ช้านี้ ทีนี้เห็นหรือยังว่าประเทศชาติจะหายนะมากแค่ไหน 

ดังนั้น วันนี้ทุกคนต้องหยุด หยุดทะเลาะกันเสียที ถึงเวลาแล้วที่เราทุกภาคส่วน ทุกระดับชั้น จะต้องประสานความร่วมมือกัน พลังแห่งความสามัคคี ที่พ่อหลวง ร.๙ พระองค์ท่านฝากเราไว้ก่อนพระองค์จะลาลับ

เรามาเริ่มต้นทำงานในส่วนของภาคประชาชนกันบ้าง ในเมื่อวัคซีนไม่เพียงพอกับคนในประเทศ การสั่งซื้อและการส่งมอบล่าช้า ไม่ทันการณ์กับสถานการณ์ในเวลานี้ โควิดระบาดหนัก มีคนป่วยเพิ่มทุกวัน ตอนนี้เราต้องทำ

ก)  ตรวจเชิงรุก ได้เวลาตรวจเชิงรุกทุกชุมชน ทุกบ้านกันเสียที เพื่อที่เราจะได้ทราบว่าคนไหนติดโควิด คนไหนไม่ติด จะได้คัดกรองแล้วแยกออกไปรักษาตัวกันเสียที จากการรายงานผลการติดแบบคลัสเตอร์กลุ่มก้อนใหญ่ จะเป็นกลุ่มไซด์งานก่อสร้างและตลาด แต่ตอนนี้กลุ่มไซด์งานก่อสร้างถูกล็อคดาวน์ไว้แล้ว แต่ตลาดยังมีเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดไม่ลดลง เพราะไม่มีการตรวจเชิงรุกไปทุก ๆ บ้าน ต่อให้ตรวจโควิดพ่อค้าแม่ค้าในตลาดกี่รอบ ก็ยังมีโอกาสติดได้ตลอด เท่ากับสิ้นเปลืองน้ำยาตรวจเชื้อโควิดอย่างเสียเปล่า แถมเชื้อโควิดก็ยังแพร่กระจายไม่หยุด เพราะทุกคนต้องออกไปซื้อกินซื้อใช้ เมื่อติดโควิดมาจากตลาด ก็ลามไปติดคนในครอบครัว ทำให้หลาย ๆ บ้านตอนนี้ติดโควิดทั้งครอบครัว ไม่มีเตียงที่จะไปรับรักษา ทำให้อาการหนักขึ้น จนเสียชีวิตไปก็มาก

เมื่อตอนโควิดระบาดรอบสามใหม่ เคยโทรไปที่เทศบาลแห่งหนึ่งว่าทำไมไม่ตรวจเชิงรุกประชาชน ได้ข่าวว่าจะออกเงินซื้อวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนฟรี เข้าใจนะคะว่าไม่อยากเสียเงินหลายต่อ ไหนจะค่าน้ำยาตรวจเชื้อ ไหนจะค่าวัคซีน แต่ตอนนี้ควรคิดใหม่ได้แล้วคะ เพราะถ้ารอวัคซีนมา รับรองเป็นไฟลามทุ่ง จะระบาดหนักจนเกินเยียวยา การตรวจหาเชื้อโควิดจะได้ทราบว่าใครติด ใครไม่ติด จะได้แยกแยะและส่งตัวไปรักษา คนที่ไม่ติดจะได้อยู่ง่ายขึ้น ถ้าทำแต่ตอนนั้น สายพันธ์เดลต้าคงไม่ระบาดหนักอย่่างทุกวันนี้

ส่วนบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอต่อการตรวจเชิงรุก อย่างที่บอกตอนต้นว่า เปิดรับสมัครจิตอาสาบุคลากรทางการแพทย์ที่เกษียณหรือลาออกไปแล้ว ให้มาปฏิบัติงานในการตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกให้กับประชาชนทุก ๆ บ้าน เอางบประมาณตรงที่รอซื้อวัคซีน ซึ่งอีกหลายเดือนกว่าจะมา โดยจัดสถานที่ในที่ชุมชน หมู่บ้าน หรือ อบต. สาธารณสุขประจำตำบล โดยทำการติดตั้งแอปลงทะเบียน จองคิวออนไลน์ ซึ่งจะมีแอปของเอกชนที่่ทำมาแจกฟรีให้กับ รพ. รัฐ ไปโหลดลงมา เพื่อจะได้บริหารจัดการ และให้ประชาชนจองคิว โดยแอปนี้สามารถสแกนบาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนและบอกคิวให้เราว่าหมายเลขที่เท่าไร ซึ่งเราสามารถไปรอที่บ้าน หรือในรถ เมื่อใกล้ถึงคิวค่อยมาตรวจก็ได้ เพื่อลดความแออัดและสุ่มเสี่ยงต่อการติดโรค สำหรับภาคเอกชน บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ก็ควรช่วยสนับสนุนภาครัฐ โดยออกค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิดให้กับพนักงานของท่าน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น รวมถึงการให้บริการกับประชาชน ในรูปของการบริจาคตรวจเชื้อโควิดให้กับประชาชนที่มารับบริการ ซึ่งเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับภาครัฐ แบ่งเบางานของเจ้าหน้าที่ เพื่อคัดกรองคนติดเชื้อโควิด ซึ่งการบริจาคของท่านก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ รวมทั้งทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา สร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับพวกบริษัทห้างร้านของท่าน ดีเสียกว่าไปจ้าง marketing เจ้าไหนๆ มาทำการตลาดให้เสียอีก 

เอาล่ะมาถึงตอนจบของการแบ่งแยกประเภท ลำดับขั้นตอนของผู้ป่วยและผู้ไม่ป่วยออกจากกันเรียบร้อยแล้ว สถานที่ก็แบ่งแยกจัดสรรเรียบร้อยแล้ว การตรวจเชื้อคัดกรองเชิงรุกก็ทำแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของภาคประชาชนอย่างเรา ๆ บ้างล่ะ 

  1.  พื้นที่โซนสีแดง ให้จัดตั้งจุดบริจาคทุกจุด ใน กทม. ให้ใช้สำนักงานเขต, ใน ตจว. ให้ใช้ อบต. เป็นจุดรับบริจาค โดยให้รับบริจาคเป็น ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง นมผง เป็นต้น และประสานงานไปยังชุมชน ไปยังหมู่บ้านในพื้นที่ ให้ประชาชนขึ้นทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ โดยมอบให้ตรัวเรือนผู้ที่ตกงาน ถูกเลิกจ้าง คนป่วย คนพิการ คนชรา เด็กเล็ก ส่วนบ้านไหนที่มีกำลัง ไม่เดือดร้อน สามารถดูแลครอบครัวได้ ก็ควรงดขอรับความช่วยเหลือ เพื่อที่จะได้แบ่งปันไปยังผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ อย่ากระทำตนเป็นผู้เห็นแก่ได้ในยามนี้เลย ในทางกลับกันท่านต้องเป็นกำลังให้กับชุมชนในสถานการณ์เช่นนี้

ทำไมต้องบริจาคให้กับหน่วยงานรัฐ เพราะเราจะได้สามารถบริหารจัดการได้ เพราะการรับบริจาคครั้งนี้มีจำนวนมาก ต้องมีบุคลากรรองรับเพื่อทำบัญชีสต็อค ว่าได้รับบริจาคอะไรมาบ้าง จำนวนเท่าไร เพราะที่ผ่านมาการเปิดรับบริจาคเป็นการเปิดรับแบบ open ใครใคร่อยากบริจาคก็หิ้วของเข้ามาวาง ๆ ไว้แล้วก็ไป ซึ่งนั้นทำให้เกิดการยักยอก เบียดบังเอาของบริจาคให้กับตัวเองและพวกพ้อง ทำให้การช่วยเหลือไปไม่ถึงผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ  เมื่อทำงานถึงจุดนี้ ของบริจาคทั้งหมดก็จะอยุ่ในสารบบ ผู้ที่เดือดร้อนมารับของ ก็เซ็นต์รับของไปได้ เมื่อของหมด ก็สามารถมารับเพิ่มได้ เพราะเราจำกัดให้เฉพาะคนที่ลงทะ่เบียน ขอรับความช่วยเหลือ ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ในชุมชนนั้น ๆ แม้ว่าจะเป็นคนมาจากจังหวัดอื่น แต่ได้มาพักอาศัย มาทำงาน พอเจอสถานการณ์โควิดทำให้ตกงาน ไม่มีรายได้ จะได้รับของไปบรรเทาความเดือดร้อน เพราะเท่าที่ผ่านมา ภาครัฐกำหนดให้คนที่มีทะเบียนบ้านเป็นผู้ได้รับการช่วยเหลือ ได้รับถุงยังชีพ แต่คนที่ไม่มีบ้าน มาเช่าเขาบ้าง มาทำงานพักอาศัยในพื้นที่นี้ ไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ เลย 

สำหรับการบริจาคเป็นอาหาร ทำอาหาร ทำข้าวกล่องแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ไม่เหมาะสมหลาย ๆ อย่าง เนื่องจาก ต้องระวังเรื่องความสะอาด ปราศจากเชื้อโควิด อาหารเก็บไว้ได้ไม่นานก็เสีย แถมสิ้นเปลืองบุคลากรที่ต้องมาเตรียม มาประกอบอาหาร เอาเวลาทำงานตรงนี้ไปจัดการอย่างอื่นจะดีกว่า ที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ คือแจกถุงยังชีพ เพื่อให้ชาวบ้านนำไปประกอบอาหารทำที่บ้านจะดีที่สุด ส่วนที่ทำแจกให้กับทีมแพทย์และบุคคลการทางการแพทย์นั้น ให้ทำเป็นอาหารที่เก็บได้นาน ไม่บุดง่าย เพราะพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้ทานอาหารตามเวลาปกติเหมือนคนทั่วไป บางคนทั้งวันตั้งแต่เช้า พึ่งได้กินตอนเย็น ตอนค่ำ เพราะติดพันกับผู้ป่วย ดังนั้นเรื่องการทำอาหารต้องคำนึงถึงจุดนี้ สิ่งสำคัญคือเครื่องดื่มที่เสริมอาหารให้พลังงาน อันนี้จำเป็นเช่น นมกล่อง รังนก น้ำเกลือแร่ เป็นต้น

ตอนนี้มาถึงภาคประชาชนจิตอาสากันบ้างแล้ว ในทุกวิกฤตของประเทศ ไม่เคยมีครั้งใดที่จะขาดแคลนคนไทยจิตอาสา ระดับเงิน ระดมกำลัง ระดมความคิด มันสมอง โอบอุ้มประคับระคองซึ่งกันและกัน รวมกันฝ่าฝันทุกวิกฤตจนผ่านพ้นมาได้ ในยามนี้ก็เช่นกัน คนจิตอาสาเหล่านี้ก็พร้อมที่จะออกมาทำหน้าที่ หลายคนถามว่าไม่ซ้ำซ้อนกันหรือ ในเมื่อเราให้หน่วยงานรัฐเปิดรับบริจาคแล้ว จะมาทำงานซ้ำซ้อนทำไม อยู่บ้านก็ถือว่าชวยชาติแล้ว บอกกันตามตรงค่ะว่าไม่เพียงพอหรอก เพราะคนจิตอาสาเหล่านี้ไม่ชอบอะไรที่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ ตามเงื่อนไขของระบบราชการ เพราะมันชักช้า ไม่ทันการณ์กับความช่วยเหลือ และทุกคร้้งเหล่าจิตอาสาประเภทนี้นี่แหละที่เป็นกำลังให้กับเทศชาติมาตลอด ที่สำคัญหัวใจอันงดงามของพวกเขาเหล่านี้ ที่ช่วยกันนำพาประเทศชาติให้รอดทุกวิกฤตการณ์ ณ ตอนนี้เราต้องการหัวหอกทะลวงฟัน และกองเสบียงที่เป็นอาวุธช่วยคนไทยอยู่รอดให้ได้

ก) จัดตั้งรวมพลคนจิตอาสา ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ซึ่งจะมีเพียงคน ๆ เดียวของหมู่บ้านนั้น ๆ หรือหลายคนก็ได้ ที่มีหัวใจและอุดมการณ์แบบเดียวกัน กล้าเสียสละ และเป็นกำลังให้กับสังคม 

1. จ่าบ้าน ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ บริหารงาน เตรียมความพร้อม เป็นผู้ประสานงานกับคนในชุนชนได้ รวมทั้งประสานงานกับชุมชนอื่น ๆ เพื่อเตรียมการช่วยเหลือประเทศชาติในยุคโควิดแบบนี้ โดยแบ่งฝ่ายตาง ๆ เพื่อเตรียมการดังนี้
 
ก) กองเสบียง เปิดรับบริจาคพวกข้าวสาร อาหารแห้ง สมุนไพร จากชาวบ้านในชุมขนของตนเอง ที่เป็นของที่เขามี เขาปลูกไว้ในที่ดินของเขา เพื่อส่งเข้ามาบริจาคทำเป็นถุงยังชีพ ทำเป็นอาหารให้กับคนในพื้นที่โซนสีแดง
 
ข) กองครัว รับสมัครจิตอาสาที่ทำอาหาร ซึ่งอาจจะเป็นพวกกลุ่มแม่บ้าน เป็นให้เตรียมการดังนี้
a) วางแผนและตระเตรียมว่าพืชผัก ผลไม้ สมุนไพรในชุมชนของตน สามารถมาทำเป็นอาหารแปรรูปที่เก็บไว้ได้นาน มีอะไรที่ทำได้บ้าง ให้ใช้ของในท้องถิ่นตนเองเป็นสำคัญ เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณ ไม่ให้เดือดร้อนเรื่องเงินทองจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ได้รับบริจาคเป็นกล้วย ก็นำมาทำเป็นกล้วยตาก กล้วยฉาบ กล้วยอบ ได้รับบริจาคไข่มา ก็นำมาทำไข่เค็ม
b) จัดการเตรียมการให้คนในชุมชนของตนทำการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ เพิ่มเติม โดยให้ทุกบ้านปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เพื่อนำมาเป็นอาหารให้กับคนในครอบครัว เหลือจากเลี้ยงดูคนในครอบครัวแล้ว ก็สามารถนำมาบริจาคให้กองเสบียงได้ รวมทั้งบริหารจัดการพื้นที่ว่าง ที่ดินรกร้าง รวบรวมชาวบ้านปรับพื้นที่ทำการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ เพื่อใช้เป็นกองเสบียงเลียงดูคนในหมู่บ้านและบริจาคได้
 
ค) กองหมอ สำรวจดูว่าในชุมชนของตนใครเป็นหมอพื้นบ้าน หรือผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ให้จัดตั้งเป็นหมอประจำหมู่บ้าน ทำหน้าที่คัดสรรสมุนไพรต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในการบำบัดและต้านทานโรคโควิด 19 เช่น ขิง ขมิ้นชัน กระชาย ฟ้าทลายโจร ฯลฯ ถ้าในชุมชนของตน มีแพทย์แผนไทยที่เป็นเภสัชกรขึ้นทะเบียนถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถดำเนินการในชุมชนของตนได้ทันที แต่ถ้าไม่มีก็นำสมุนไพรเหล่านี้ ส่งไปยังเภสัชกรแผนไทยที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อนำมาผลิตเป็นยาสมุนไพร เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยโควิดได้
 

ง) กองอาวุธ กองนี้เป็นกองสำคัญที่จะช่วยเป็นกำลังให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และสถานที่กักตัวได้ โดยสำรวจว่า รพ. ในจังหวัดของชุมชนที่เราตั้งอยู่นั้น ขาดแคลนอะไรบ้างที่เราสามารถรวบรวมนำมาบริจาคได้ หรือทำได้บ้าง ให้จัดการดำเนินการในทันที เพื่อไม่ให้ขาดแคลน แต่ถ้าในจังหวัดของตนเพียงพอแล้ว จึงให้ทางจังหวัดส่งเข้าบริจาคให้กันพื้นที่โซนสีแดง

ตอนนี้เราบริหารจัดการพื้นที่รอบนอกโซนสีแดง ซึ่งเป็นพืนที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่  ผู้ว่าจังหวัดแต่ละจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ มีงบประมาณในการบริหารจัดการ ควรที่จะทำการตรวจคัดกรองเชิงรุกแล้ว เพราะตอนนี้ ตจว. ที่ไม่ติดเชื้อโควิด จะเป็นกองกำลังให้กับประเทศ เป็นคลังสมบัติของชาติ  ดังนั้นต้องปกป้องจังหวัดและพลเมืองของตนเองให้ดีที่สุด คนไหนติดเชื้อส่งเข้ารับการรักษา ส่งเข้าสถานที่กักตัว ส่วนคนไหนไม่ติด ก็เป็นกำลังให้กับจังหวัด กับชุมชน เพราะงานข้างหน้าทุกคนในชาติต้องร่วมมือกันฝ่าภัยโควิดไปให้ได้และอยู่รอดกันหมดทุกคน ทำให้จังหวัดของท่าน clean ปลอดเชื้อโควิดให้ได้ ตอนนี้เชื้อโควิดสายพันธ์เดลต้า ซึ่งเป็นสายพันธ์ที่ติดได้ง่าย ยังไม่แพร่หลายลงไปใน ตจว. มาก ท่านต้องสกัดให้อยู่ให้จงได้

ในขณะนี้พื้นที่โซนสีแดง ระบาดหนัก คนป่วยล้น รพ. จึงเป็นไปได้ที่จะต้องส่งคนป่วยมายังตจว. รวมทั้งหลายจังหวัดเองก็เปิดรับคนในพื้นที เพื่อมารักษาตัว ดังนั้นคนป่วยก็ส่งเข้ารับการรักษาตัวไป แต่ในขณะเดียวกัน คนพื้นที่ที่ไปทำงานอยู่ในพื้นที่โซนสีแดง ซึ่งต้องตกงาน ไม่มีรายได้ คนเหล่านี้ต้องการกลับพื้นที่ของตัวเอง ทางจังหวัด ต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิดและเข้าสถานที่กักตัว เพื่อไม่ให้เชื้อโควิดหลุดรอดเข้ามาในพื้นที่ส่วนในได้ และกระชับไปยังชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ ให้เฝ้าระวังคนที่เข้ามาในพื้นที่แล้วไม่รายงานตัว ไม่มีการถูกส่งตัวเข้าพื้นที่ เพื่อไม่ให้เชือโควิดหลุดเข้าไปยังหมู่บ้านได้

จ. สุพรรณบุรี เริ่มงานกันแล้ว (16 ก.ค. 64)

เอาล่ะในเมื่อเราวางแผนงาน บริหารจัดการในส่วนของภาคประชาชนได้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รัฐควรมีนโยบายช่วยเหลือประชาชน

ก)  ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้การไฟฟ้าและประปา ให้ผุ้ใช้น้ำ ใช้ไฟ สามารถผ่อนจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟได้ และไม่ให้มีการตัดน้ำ ตัดไฟ ถ้าผู้ใช้น้ำใช้ไฟ ยังไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ในช่วงนี้ เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจาโควิดรอบ 3 ตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมาจนถึงเดือน ก.ค ผ่านมาร่วม3 เดือนแล้ว หลายคนไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ ลำพังเงินหากินใช้ยังลำบาก เพราะสถานการณ์โควิด ดังนั้น รัฐเควรออกมาตรการห้ามตัดน้ำ ไฟ ห้ามยกมิเตอร์ เพื่อช่วยให้ประชาชนได้มีน้ำ มีไฟฟ้าใช้ เพราะหลายคนต้องอยุ่บ้าน กักตัวเอง เพื่อมิให้เชื้อแพร่กระจาย

ข) ค่าโทรศัพท์ ค่าอิเตอร์เน็ต ควรให้บริษัทสัญญาณมือถือ ให้ลูกค้าผ่อนชำระค่ามือถือ และงดตัดสัญญาณมือถืออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป เนืองจากสถานการณ์โควิด ทำใหหลายคนต้องอยู่บ้าน หลายคนต้องติดต่อกับหน่วยงานตาง ๆ ถ้าเกิดติดโควิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐจะได้ติดตอประสานงานกับผู้ป่วยได้  สำหรับคนที่ไม่ติดโควิดอยู่กับบ้าน หรือ work for home จะได้ไม่เครียด เมื่อต้องกักตัวเองอยู่ในบ้าน

ค) สถาบันการเงินของรัฐ เอกชน ไฟแนนซ์ หยุดพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยอย่างน้อย 6 เดือน เนื่องจากผ่านมา 3 เดือนแล้ว รัฐไม่มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนในด้านนี้ ทำให้หลาย ๆ คน โดนสถาบันการเงินติดตามทวงหนี้ ยึดทรัพย์  เมื่อรัฐออกมาตการทางด้านการเงินช่วยเหลือประชาชนแล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องออกมาตรการช่วยเหลือให้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องไปตกลงกันระหว่างภาครัฐและสถาบันการเงิน

ง) จัดการเรื่องน้ำยาตรวจโควิด จะต้องจัดการให้มีน้ำยาตรวจโควิดอย่างพอเพียง เพื่อสนับสนุนการตรวจเชิงรุก คัดกรองคนติดเชื้อกับไม่ติดเชื้อออกจากกัน ไม่ใช่รอตรวจฟรีแต่คิวยาวเป็นชาติ หรือถ้าไปตรวจเสียเงิน ก็แพงจนประชาชนสู้ไม่ไหว 

จ) จัดการเรื่องวัคซีน ในเมื่อวัคซีนที่ส่งจากต่างประเทศมาล่าช้า เล่นตัว มีราคาแพง หันกลับมาดูวัคซีนของไทยบ้าง ทำไมไม่เร่งรัด ไม่ส่งเสริมให้เขาผ่านการตรวจสอบจนผลิตออกมาได้ไวที่สุด ในเมื่อวัคซีนไทยผลประเมินออกมาเบื้องต้นมีประสิทธิภาพเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีผลข้างเคียง ต้องสนับสนุนวัคซีนไทย แบบเดียวกับที่จีนและรัสเซียสนับสนุนวัคซีนของตนเอง เพราะความเป็นความตายมันรอไม่ได้ ถ้าระเบียบขั้นตอนมันเยอะมาก ก็ใช้ทางลัดด้วยการประกาศรับสมัครอาสาสมัครฉีดวัคซีน ตั้งเป้าเลยว่าฉีด 1 แสนคนหรือ 1 ล้านคน รับรองเลยว่ามีประชาชนสมัครอย่างแน่นอน เพราขนาดเปิดรับสมัครแก่ไม่กี่คน ยังเต็มในทันที หรือถ้ากลัวว่ารัฐเราผิดชอบไม่ไหว ก็ส่งเรื่องให้ บ. ประกันภัย เป็นผู้ทำประกันความเสี่ยงภัยตัวนี้เสีย หันกลับไปมองดูประเทศจีน ตอนโควิดระบาดหนัก เขาเร่งคิดค้นวัคซีนออกมาได้ และไม่สนใจว่าจะผ่านการตรวจสอบจากองค์การอนามัยโลกหรือไม่ เขาจัดการฉีดให้คนของเขาเลย ไม่มารอวัคซีนจากที่ใด ๆ ให้เสียเวลา ให้เสียเงินทองโดยใช่เหตุ ประเทศไทยต้องยึดหลักการของประเทศไทย คนของเรา พี่น้องเรา รัฐดูแลได้ ตรงนี้แหละที่รัฐบาลสมควรทำ 

ในขณะเดียวกันวัคซีนไทย จะเป็นจุดที่สร้างรายได้เข้าประเทศแทนที่การท่องเที่ยว เพราะสถานการณ์โควิดที่ทุกประเทศต่างบอบช้ำกันถ้วนหน้า ดังนั้นควรเร่งรัดขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อผลิตวัคซีนได้ถุูกต้อง และเพื่อความปลอดภัยของคนในชาติ

 

ผู้เขียนได้เขียนบทความนี้ด้วยความเห็บนส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณกันเองตามอัธยาศัย ไม่ใช่ให้เชื่อ แต่ป้องกันตัวเองไว้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ขอทยอยเขียนไปทีละส่วน เนื่องจากต้องดูแลคนป่วยตลอดเวลา ใช้จังหวะว่าง ๆ ได้เขียนไป ถ้ารอเขียนให้จบเลยทีเดียว กลัวจะช้าเกินการณ์กับความตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ทำให้มีผู้ฉวยโอกาสบนความทุกข์ของผู้อื่นได้ ขอให้บทความนี้เป็นบทความที่พวกเราทุกคน มาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์กัน เพื่อให้พวกเราทุกคน ฝันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกันได้ ข้อสำคัญอย่าละเลยความมีน้ำใจ อย่าให้ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความกลัวตาย จนกลายคนไร้มนุษยธรรม โปรดจำไว้ทุกวิกฤตจะมีโอกาสอยู่เสมอ ขอให้เชื่อมั่นในคุณความดีของตัวเองไว้นะคะ

หลักการง่าย ๆ ในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลโควิท 19 คือ “ปกป้อง ป้องกัน สร้างภูมิต้านทานโรค

จากการที่เขียนบทความมาหลาย ๆ สถานการณ์ที่ร้ายแรงในบ้านเมืองมาตลอด และที่เขียนย้ำเสมอไว้ทุกครั้ง คือ ภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ว่าร้ายแรงขนาดไหน ยังไม่เท่ากับภัยพิบัติในใจคน ต่อให้เขียนเป็นแนวทางในการแก้ไข รับมืออย่างรอบด้าน แต่ความกลัวตายจนขาดสติ พิจารณาอย่างมีเหตุผล ก็เปล่าประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นพิจารณาตัวเราเองเป็นดีที่สุด

การป้องกันดูแลตนเองและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง

  1. ตอนเช้าก่อนอาหารเช้าหรือมื้อแรก ให้ดื่มน้ำขิงร้อน ๆ ทุกวัน หรือสลับเป็นดื่มน้ำมะนาวเปลือกเขียวผสมน้ำอุ่น 1 แก้วในทุก ๆ วันถ้าเบื่อ การดื่มน้ำขิงหรือน้ำสมุนไพรร้อน ๆ จะทำให้ร่างกายอบอุ่นในตอนเช้าและตลอดทั้งวัน เนื่องจากกลางคืนร่างกายจะเย็น การดื่มน้ำร้อน ๆ ตอนเช้า ทำให้ปรับสมดุลในร่างกาย เซลล์ต่าง ๆ ตื่นตัวและพร้อมที่ทำงาน การดื่มน้ำขิง ควรใช้ขิงแก่สด ๆ ต้มดื่ม ไม่ใส่น้ำตาล หรือถ้าติดรสหวาน แนะนำให้ใส่น้ำตาลทรายสีรำหรือน้ำตาลทรายแดงจะดีกว่าน้ำตาลฟอกขาวนะคะ

การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น เป็นการล้างสารพิษต่าง ๆ ในร่างกายที่เรารับมาตลอดทั้งวัน ทั้งคืน เหมือนไปชำระล้างสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ที่เรารับเข้ามา อย่ารับประทานโดยไม่ผสมน้ำเลย จะไปกัดกระเพาะเอานะคะ  การดื่มน้ำมะนาวให้ใช้มะนาวเปลือกเขียว แล้วบีบสด ๆ ด้วยมือ เพื่อให้น้ำมันในเปลือกมะนาวกระเด็นติดลงไปด้วย แต่ถ้าอยากใส่ทั้งเปลือก ทนขมได้ก็ใส่ไป ไม่ว่ากัน ส่วนเปลือกมะนาวอย่าไปทิ้งนะคะ เก็บเอาไว้ แล้วจะบอกว่าเอาไปทำอะไรในตอนต่อไปนะจ๊ะ

(กินมะนาว หรือวิตามินซี วันละ 1000 มล.เพื่อทำให้ผิวเม็ดเลือดแดงแกร่งเหนียว ไวรัสก็เจาะไม่ได้ แค่นี้ก็ป้องกันทุกไวรัสได้แล้ว…Cr. กลุ่มหมอแพทย์แผนไทย)

  1. ออกมาอาบแดดช่วง 06.00-9.00 น. ทุกวัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย ไม่แนะนำอาบแดดตอนเย็น หรือถ้าไม่มีเวลาตอนเช้า ควรอาบแดดช่วง16.00 – 17.00 น. อย่าอาบแดดหลัง 17.00 น. เพราะไม่มีประโยชน์และจะกลายเป็นว่าเราไปตากลมมากกว่า จะทำให้ร่างกายเย็นและชื้นได้ง่าย สรุปง่าย ๆ อาบแดดก่อนเก้าโมงเช้าดีที่สุด ส่วนประโยชน์ของการอาบแดดมีมากมายสามารถค้นดูข้อมูลจากเวปต่าง ๆ ได้ ข้อสำคัญจะทำให้ปอดแข็งแรง ไม่ชื้น เพราะโควิดทำให้ระบบปอดเสียหาย ถึงทำให้เสียชีวิตได้ง่าย การอาบแดดสามารถทำที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปสวนสาธารณะ แค่เดินในบ้าน หรือในหมู่บ้านก็ได้

3. ดื่มน้ำร้อนหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง งดน้ำแข็ง หรือถ้าอยากกินทำเอง โดยใช้น้ำต้มสุกใส่ในถาดทำน้ำแข็ง่แช่ตู้เย็น

แต่แนะนำว่าหลีกเลี่ยงจะดีกว่า เพื่อไม่ให้ร่างกายเป็นหวัด ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อโควิด 19 ได้ง่าย

4. ทานอาหารที่เป็นทำสุก ไม่กินของดิบ ๆ ทำอาหารที่มีสมุนไพร เครื่องเทศเผ็ดร้อน มีกระเทียม พริกไทยได้ทั้งขาวและดำ หัวหอม หอมใหญ่ พริก เช่น ต้มยำ ต้มแซ่บ เล้ง แกงจืดแกงเลียง แกงส้ม เป็นต้น 

5. ถ้าต้องออกไปข้างนอก ที่ชุมชน สุ่มเสี่ยง ให้ใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง พกแอลกอฮอลล์ ทิชชูเปียก เมื่อหยิบจับอะไรใช้ทิชชูใส่แอลกอฮอลล์เช็ดทุกครั้ง ในกรณีขาดแคลนให้ใช้เหล้าขาวทดแทนได้ เหล้าขาวใส่ในทิชชูเปียก เช็ดหน้าเช็ดตัวได้ตลอดเวลา ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังเหมือนแอลกอฮอลล์ ใครอยู่ ตจว. ได้เปรียบหน่อย แอบซื้อกันง่าย ราคาไม่แพงด้วย ถ้าขาดแคลนจริง ๆ แอบผลิตซุกไว้ในสวนหลังบ้านได้ ทีนี้บันเทิงเลย ทั้งทา ทั้งอาบ ทั้งกิน แต่ขอบอกว่าไม่ควรกินนะคะ เพราะเวลาเมา ทำให้เกิดโรคได้ง่าย เพราะสารพัดโรครุมเร้าค่ะ

.     6. เมื่อกลับมาถึงบ้าน ถ้าไปในที่สุ่มเสี่ยง ให้อาบน้ำร้อนจัดชนิดที่เราทนไหว ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ก็ต้มน้ำอาบเสีย ถ้าทำไม่ได้ใช้น้ำอุ่น ใส่เหล้าขาว เช็ดตัวไป อันนี้คนที่เป็นไข้ทำได้ ช่วยลดไข้ได้ด้วย แต่ถ้าเป็นโควิด ไปหาหมอทันทีค่ะ ไม่เกี่ยวกันนะคะ การรักษากับการป้องกัน คนละเรื่องค่ะ อาบน้ำแล้วต้องสระผมด้วย สระครั้งสุดท้ายให้ใช้มะกรูดเผาไฟ สระหัวไปพร้อม ๆ กัน หรือถ้าไม่มีมะกรูด ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักแบบธรรมชาติ อย่าเอาน้ำส้มสายชูเทียมนะคะ อันตรายกับผิวหนัง ผสมน้ำราดแต่หัวลงมา เพื่อฆ่าเชื้อโรคและล้างสารพิษต่าง ๆ ที่เราสัมผัสจากนอกบ้านมา

7. เชื้อโรคกลัวความร้อน ไม่ตายก็ทำให้อ่อนแอลง เราสามารถทำประคบร้อนหรืออบสมุนไพร ในกรณีทำประคบร้อน ให้มีตัวสมุนไพร (ไพล)  เป็นหลักสำคัญ เพราะไพลมีสรรพคุณเป็นยาฆ่าเชื้อ สำหรับลูกประคบควรซื้อใช้ส่วนตัวเลย และการอบสมุนไพร ควรอบห้องส่วนตัว อบไม่เกิน 10 นาทีต่อครั้ง แล้วลุกออก เข้าไปทำซ้ำและอบกได้ไม่เกิน 30 นาที อย่าอบนานเกินไป จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การอบสมุนไพร ทำให้ร่างกายอบอุ่น เลือดลมไหลหมุนเวียดี ไอระเหยของสมุนไพร จะช่วยเรื่องทางเดินหายใจ ทำให้จมูกโล่ง ป้องกันไข้หวัดได้

  1.  ข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้า ถ้าออกไปข้างนอก กลับมาซักเสื้อผ้าด้วยผงซักฟอก (เพราะมีโซดาไฟผสมอยู่ ใส่น้ำยาล้างจานไปด้วย เพื่อชะล้าง เสร็จแล้วแช่ไฮเตอร์สักพักใหญ่) ตากแดดจัด ๆ อันไหนซักไม่ได้ เอาเดทตอลผสมน้ำหรือแอลกอฮอลล, เหล้าขาว, น้ำส้มสายชู ใส่ที่ฉีดน้ำพ่นไปทั่วของใช้นั้น ๆ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เคมีภัณฑ์ถ้าแพง ถ้าขาดแคลน ให้ดัดแปลงจากของพื้นบ้านเราได้นะคะ เป็นทางเลือกหนึ่งรองรับสำหรับคนที่ไม่มีเงินไปซื้อของแพง ๆ

ข้อควรระวัง อย่าเอาแอลกอฮออลล์ฉีดพ่นรอบบ้านเพื่อฆ่าเชื้อ เพราะเป็นอันตราย เนื่องจากแอลกอฮอลล์เป็นสารติดไฟ เดี๋ยวจะเหมือนเคสที่ประเทศจีน ที่ไฟไหม้ทั้งตึก

9. ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ควรล้างน้ำจากก๊อก ให้น้ำไหลผ่าน เสร็จแล้วแช่ด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูสักพัก แล้วนำมาปรุงอาหารให้สุก อย่ากินดิบ ๆ เด็ดขาด น้ำส้มสายชูถ้าขาดแคลน ทำเองได้ค่ะ จากผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับประรด มะพร้าว ฯลฯ ดูในยูทูบทำกันเองเลย แถมสนับสนุนเศรษฐกิจชาวนา ชาวไร่ได้อีกต่างหาก อยู่เมืองไทยไม่อดตายหรอกค่ะ อย่าตามฝรั่งให้มาก ของดีมีอยุ่ในผืนแผ่นดินไทย ปู่ย่าตายายไว้ให้ นี่แหละค่ะ ที่พระองค์ท่านถึงตรัสว่าอย่าเลิกทำนา อย่าขายที่ เพราะท่านมองการณ์ไกล เวลาลำบากขาดแคลน เราก็มีที่ทำมาหากินได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ 

10.   สุขอนามัยในบ้านเราทำได้ง่าย ๆ เพื่อป้องกันโควิด 19 เชื้อนี้แพร่กระจายมาทางอากาศ เราอยู่แต่ในบ้าน ถ้าไม่มั่นใจ ใช้หัวหอมแดงบ้านเรานี่แหละค่ะ ต้มน้ำให้ร้อน ทุบหัวหอมลงไป ให้ไอระเหยของหัวหอม ฆ่าเชื้อภายในบ้าน ถ้าเป็นไข้หวัด เราก็สูดดมไอน้ำจากน้ำมันในหัวหอมที่ระเหยออกมา ทำให้จมูกโล่ง ตอนนอน ก็ทุบหัวหอมสักอัน วางไว้ข้างหมอน เหมือนตอนเราเด็ก ๆ ที่แม่ทำให้นั่นแหละ ถ้าให้ดีเวลาอาบน้ำ มีอ่างแช่น้ำร้อน ทุบหัวหอมลงไปด้วย จะได้ช่วยฆ่าเชื้อโรคทางผิวหนัง แถมห่างไกลหวัดอีก แต่ไม่ใช่แช่มันทั้งวันทั้งคืนนะคะ ไม่เกิน 30 นาทีก็พอ แช่น้ำร้อนมาก ๆ สุกหมด แถมจะพาลเป็นไข้ไปอีก จำไว้นะคะ หัวหอมช่วยป้องกันไข้หวัด แต่ถ้าสังเกตุอาการแล้วไม่หายสักที อาจจะเป็นโควิด ต้องไปหาหมอนะคะ บางคนอาจแพ้สารจากหัวหอม แนะนำให้เอาใส่ตู้เย็นสักพัก แล้วค่อยเอามาใช้ก็ได้ หัวหอมมีประโยชน์มาก เวลาทำอาหาร เช่น ไข่เจียวใส่หัวหอม หอมใหญ่ หรืออาหารอื่น ๆ ให้ใส่พวกสมุนไพรประเภทนี้มาก ๆ หน่อยนะคะ 

11.   โควิท 19 กลัวแดด กลัวความร้อน เพราะฉะนั้นอย่าอุดอุ้อยู่แต่ในบ้าน ที่บอกให้เช้า ๆ ออกมาอาบแดดหน้าบ้านบ้าน หรือระเบียงบ้าน ดาดฟ้า เอาที่เราสะดวก เพราะแสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรค ไล่ความชื้น สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย นอกจากแสงแดดแล้ว ความร้อนก็ทำให้เชื้อตายหรืออ่อนแอลง ดังนั้น เราสามารถทำประคบร้อนหรืออบสมุนไพรได้ การประคบร้อน จะมีสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคทางผิวหนัง และไอระเหยจากการนึ่งสมุนไพร ทำให้ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ ทำให้จมูกโล่ง อย่าตื่มตูมกันนักเลยค่ะ เราป้องกัน เฝ้าระวังได้คะ 

12.   โควิด 19 เป็น่เชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่ไม่ถูกกับอากาศร้อน สังเกตมั้ยค่ะว่า เชื้อนี้แพร่ระบาดตอนช่วงหน้าหนาว เมืองอู่ฮั่นตอนระบาด ก็หน้าหนาว หิมะตก ส่วนอิหร่านถึงจะเป็นประเทศทะเลทรายก็จริง แต่ช่วงนั้นฝนตก อากาศหนาว โดยเฉพาะทะเลทรายตอนกลางคืน หนาวลมมากนะคะ ถึงจะแดดแรงตอนกลางวันก็จริง อากาศมันสองขั้ว ทำให้เป็นหวัดได้ง่าย พอเป็นหวัดร่างกายอ่อนแอ เชื้อโควิดเลยได้ง่ายค่ะ และหลาย ๆ ประเทศที่ระบาดหนักก็อยู่ในช่วงหน้าหนาวทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ตอนนี้เข้าหน้าร้อนบ้านเราแล้ว แดดแรง อากาศดี โดยเฉพาะทางใต้ เพราะทางเหนือกับภาคอื่น ๆ รวมถึง กทม. เจอมลภาวะเรื่องฝุ่นควัน ไฟป่า ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องคอ ระคายคอ หายใจไม่สะดวก มีแต่เชื้อโรค จึงต้องใส่หน้ากากอนามัย ตอนนี้เศรษฐกิจทรุดเพราะโควิด 19 ท่องเที่ยวชะงักกันหมด ถ้าอยากมาอาบแดด ฆ่าเชื้อโรค ลงมาทางใต้ เช่าบ้าน เช่ารีสอร์ท เที่ยวเกาะ อาบแดดกันไปเลยก็ได้คะ โดยเจ้าของสถานที่ต้องป้องกัน ทำความสะอาด และตรวจสุขภาพ ประสานงานกับ สสจ.จังหวัดนั้น ๆ ตลอดว่า มีคนแปลกถิ่นมาพัก ผ่านการตรวจโรค และเฝ้าระวังตลอด ก็ทำได้แล้วค่ะ อย่ากลัวเกินเหตุ เพราะเชื้อโควิด 19 มีสายพันธ์ไข้หวัดใหญ่ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จาม รด ไอ ซึ่ง ๆ หน้า ใส่กัน หรือใกล้ชิดกันเกินไป และมีสายพันธ์ HIV ซึ่งสายพันธ์นี้ถ้าไม่รับเชื้อเพิ่ม มันก็จะลดจำนวนลง แต่ถ้าไปรับเชื้อเพิ่ม ก็จะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ จนติดโควิทได้ สังเกตซิค่ะว่า ทำไมหมอ พยาบาล ทั้ง รพ. ในจีน ติดเชื้อนี้เกือบทุกคน เพราะเขารับเชื้อตลอดเวลา ไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาให้ร่างกายสลายเชื้อด้วยตัวเอง ภูมิต้านทานต่ำ เชื้อเลยเพิ่มขึ้นทวีคูณ จนร่างกายต้านทานเชื้อนี้ไม่ไหว ผลสุดท้ายต้องติด นี่คือสาเหตุที่เราต้องปกป้อง หมอ พยาบาล และบุคคลกร ให้เขาได้รับความปลอดภัย ชุดป้องกันเชื้ออย่างดี ทุกคนต้องได้ใส่ ไม่ใช่ปล่อยเขาออกไปสู้เพียงลำพัง เหมือนปล่อยให้เขาตายต่อหน้าต่อหน้า ทั้ง ๆ ที่เขาอุทิศชีวิต เพื่อรักษาคนป่วย รัฐและคนไทยทุกคน ต้องตระหนักตรงจุดนี้ สิ่งไหนทีเราป้องกันตัวเองได้ เขียนไว้ให้แล้ว เสียสละให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่และบุคคลากรด้านสาธารณสุขไปเสีย เพราะพวกเขาเหล่านี้ทำงานเพื่อเราทุกคน อย่าให้เขาต้องไปตาย โดยที่เราเพิกเฉย ถามหน่อยเหอะ หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ตายหมดทุกคน ใครจะรักษาคุณ พ่อแม่ พี่น้องพวกคุณล่ะ

สรุปวิธี “ปกป้อง ป้องกัน และสร้างภูมิต้านทานโรค”

 ระบบหายใจ

ก)  ทาวิคส์วาโบรับที่จมูก คอ และหน้าอก และเท้าพร้อมใส่ถุงเท้า ใช้ทำตอนมีไข้จะดีมาก

ข)  ใช้น้ำมันหม่องที่มีส่วนผสมของพิมเสน การบูร ทาจมูก เวลาออกไปข้างนอกทาจมูกหรือเหยาะใส่หน้ากากอนามัย

ค)  ในบ้าน ให้ทุบหัวหอมต้มในน้ำเดือด ให้ไอระเหยของน้ำมันในหัวหอม ฆ่าเชื้อในบ้าน และก่อนนอน ทุบหัวหอมวางข้างหมอน

ระบบทางเดินอาหาร     

  1. กลั้วคอด้วยเกลือแกงผสมน้ำ เพื่อฆ่าเชื้อโรคในลำคอ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน อย่าผสมเกลือเยอะมากเกินไป จะระคายคอ ให้พอเหมาะพอควร หรือใช้น้ำส้มสายชูหมักผสมน้ำ กลั้วคอได้เช่นเดียวกัน
  2. ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นทุกเช้าหรือจิบตลอดวัน ถ้าอยากทานของเย็น ใช้โซดาแช่เย็นผสมน้ำมะนาวดื่มได้ทั้งวัน ข้อควรระวัง โซดามะนาวต้องไม่กินตอนท้องว่าง หรือก่อนอาหารเช้า
  3. ดื่มน้ำร้อนหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ไม่ใส่น้ำตาล เช่นกาแฟดำ ชาร้อน เป็นต้น ถ้าจำเป็นใช้น้ำตาลจากธรรมชาติไม่ฟอกสี หลีกเลี่ยงนมและนมข้นหวาน ถ้าอยากกิน อย่าบ่อย นาน ๆ ค่อยกินทีได้ค่ะ
  4. หลีกเลี่ยงขนมปัง เนย ไขมัน กะทิ เพราะไวรัสตัวนี้จับกับไขมันได้ดี ถ้าจำเป็นทานได้ แต่อย่าบ่อย หลังทานอาหารที่มีพวกนี้ ให้กินน้ำร้อน น้ำชา น้ำมะนาว เพื่อล้างไขมัน
  5. หลีกเลี่ยงสารเคมี ผงปรุงแต่งอาหาร ผงชุรส ปลาร้า ถ้าขาดปลาร้าไม่ได้ ให้ต้มสุกก่อนนำมาทาน บะหมี่สำเร็จรูปทานได้ แต่เครื่องปรุงไม่ใส่ ใส่เครื่องปรุงที่ทำมาจากธรรมชาติ เช่น เกลือ น้ำตาล เป็นต้
  1. ทานอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเผ็ดร้อน ขม และรสเปรี้ยว เช่น กระเทียม หัวหอม หอมใหญ่ พริกไทยทั้งขาวและดำ ขมิ้น ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว ฯลฯ  นำมาทำต้มยำ แกงป่า แกงจืด ต้มมะระ แกงส้มใต้ แกงเหลือง แกงแค เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงของทอด ของมัน แกงกะทิ อาหารดิบ ๆ สุกๆ ควรงดไว้ก่อน
  2.  เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ให้ล้างน้ำสะอาดไหลผ่าน น้ำสุดท้ายให้แช่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ หรือมะนาว มะขามเปียก ดูพืชผลท้องถิ่นนั้น ๆ ที่มีรสเปรี้ยว สามารถเอามาแช่ได้หมด
  3. ของหวานที่ควรทาน คือ ถั่วเขียวต้มร้อน ๆ ใส่ขิงแก่ เพิ่มความอบอุ่นร่างกาย, ลูกเดือยต้ม เพื่อบำรุงปอดไม่ให้ชื้น (กลางคืนทานดี)

ร่างกายและผิวสัมผัส

  1.  ล้างมือด้วยน้ำยาล้างจาน ถ้าแพ้ล้างด้วยสบู่ที่มีส่วนผสมของผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะขาม มะนาว มะเฟือง เป็นต้น เมื่อออกข้างนอกควรใส่ถุงมือยาง เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ติดมากับมือ และตามซอกเล็ก ซอกนิ้ว รวมทั้งทำความสะอาดง่าย เพียงแค่เช็ดด้วยแอลกอฮอลล์หรือเหล้าขาว
  2.  อาบน้ำ สระผม ด้วยด้วยน้ำอุ่นแบบร้อนชนิดที่เราทนไหว โดยเฉพาะเมื่อออกไปข้างนอกแล้วกลับถึงบ้าน ฟอกตัวด้วยสบู่สมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว ถ้าไม่มีไม่เป็นไร อย่าสระผมตอนเย็น แต่ถ้าจำเป็นให้ใช้ไดร์เป่าผมให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเป็นหวัด
  3. อาบน้ำเสร็จแล้ว ขัดตัวด้วยมะนาว มะขามเปียกแล้วปล่อยทิ้งให้แห้งไปเอง ถึงค่อยใส่เสื้อผ้า ออกนอกบ้านได้ เพราะเชื้อโรคแพ้ทางกับของเปรี้ยว ๆ โดยเฉพาะไวรัสโควิทที่มีไขมันเป็นเปลือกหุ้มอยู่ พอโดนของเปรี้ยว ๆ ที่เราเคลือบผิวหนัง ก็จะสลายตัวได้ง่าย ๆ การสระผม สระด้วยแชมพูทั่ว ๆ ไปก็ได้ แต่ถ้าให้ดีใช้สมุนไพรธรรมชาติ โดยเฉพาะแชมพูมะกรูด หลังสระผมเสร็จแล้วให้นำมะกรูดเผาไฟ สระผม ฟอกศรีษะอีกทีในตอนท้าย ทิ้งไว้สักพักค่อยราดน้ำออก ถ้าไม่มีมะกรูดใช้น้ำส้มสายชูหมักแบบธรรมชาติ ผสมน้ำราดศรีษะ หรือมะนาวผสมน้ำ ก็ใช้ได้เช่นกัน แต่อย่าใช้น้ำมะนาวเพียว ๆ โดยไม่ผสมนะคะ มันจะกัดหนังศรีษะมากไป คนที่ต้องทำงานนอกบ้าน ไปในที่สุ่มเสี่ยง กลับถึงบ้าน อาบน้ำ สระผมทุกครั้งนะคะ หลีกเลี่ยงสระผมตอนเย็นไปแล้ว
  4. ออกนอกบ้านให้ใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง แอลกอฮอลล์ถ้าไม่มีใช้เหล้าขาวทดแทน กระดาษทิชชูเปียก ถ้าไม่มีพกผ้าเช็ดหน้าประจำตัวหลาย ๆ ผืน เวลาออกนอกบ้าน หยิบจับอะไร เช็ดล้างด้วยแอลกอฮอลล์หรือเหล้าขาวทุกครั้ง
  5. ถ้าจำเป็นต้องเช็ดหน้า ใช้ทิชชูเปียก ฉีดเหล้าขาวลงไป ใช้เช็ดหน้าได้ เวลาออกนอกบ้าน ทดแทนแอลกอฮอลล์ที่จะทำลายผิวหน้า
  6. หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน หัดใช้พัดลมบ้าง เพราะโควิดเจริญเติบโตได้ดีในที่อากาศหนาวเย็น และห้องแอร์เป็นห้องอับ ไม่สัมผัสแดด ถ้าต้องทำงานหรืออยู่แต่ห้องแอร์ ควรมีเครื่องฟอกอากาศติดไว้ด้วย

   ข้อสำคัญ เมื่อออกนอกบ้านต้องใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง แอลกอฮอลล์ ทิชชูเปียก กลับบ้านต้องอาบน้ำ สระผมให้สะอาด

#ไวรัสทุกชนิด…

ชอบความเป็นกรดของเลือด

และเจริญเติบโตได้ดี ในภาวะที่เลือดเป็นกรด

เลือดเป็นกรด เกิดจากการกินหวาน

หวานทุกชนิดแม้แต่ผลไม้หวาน

ใครกลัวไวรัสให้งดหวานทุกชนิดก่อนเลย

แล้วมาทำให้เลือดเป็นด่าง ด้วยวิธีข้างล่างนี้…

ทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง

เพื่อกำจัดไวรัส คือ ต้มน้ำขิงใส่ขมิ้นชัน ดื่มต่างน้ำ

กินอาหารฤทธิ์ร้อน  เช่นเครื่องเทศ  พริกไทย

หอมกระเทียมเยอะๆ เครื่องต้มยำ

ต้มซุปใส่หอมใหญ่

หรืออบตัวบ่อยๆ เพื่อเสริมกำลังเม็ดเลือดขาว

กินมะนาว หรือวิตามินซี วันละ 1000 มล.

เพื่อทำให้ผิวเม็ดเลือดแดงแกร่งเหนียว

ไวรัสก็เจาะไม่ได้

แค่นี้ก็ป้องกันทุกไวรัสได้แล้ว…

หน้ากากอนามัยแค่เกราะบางๆ

ภูมิคุ้มกันร่างกาย คือของจริง

ทำแบบนี้ให้ได้ ไม่ต้องไปหาหมอ

ไม่ต้องกินยาเลยสักเม็ดเดียวแม้แต่พาราเซตามอล…

ข้อมูลจาก คุณหมอแผนไทยค่ะ

 

ตอนนี้​หมอๆได้รวมตัวกันจัดทำ Homeisolation ได้ทีมแพทย์ร่วม200คนมาเข้าเวรกันรักษาแนะนำดูแลผู้ป่วยพร้อมจัดส่งยาทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้พร้อมเริ่มดำเนินการ 

ประกาศ และฝาก ประชาสัมพันธ์​ต่อนะคะ
❤️ใคร​ covid 19 positive ไม่ว่าจะเป็น ผลจาก PCR หรือ Rapid ag
📲กรุณา โทรลงทะเบียน​เข้าระบบ คลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนี้

https://crmhi.nhso.go.th/

🏠ทางกลุ่มแพทย์Home isolation Under ราชวิทยาลัย​เวชศาสตร์​ครอบครัวแห่งประเทศไทย
🔥จะมีการส่งที่วัด o2 sat +อาหาร​ 3 มื้อ +💉⛑️💊ยาที่จำเป็น รวมถึง​ favipiravia💊 ฟ้าทะลายโจร🌱 และ prednisolone และ ยา​suppotive symptoms  ครบเกือบทุกตัว
☎️ จะมีหมอtelemed ไปทุกวัน ถ้าเปลี่ยนเป็น สีเหลืองหรือแดง จะช่วยประสานงานเบื้องต้น อาจหาoxygen support ได้ค่ะ
_________
วิธีตรวจ ด้วยตัวเอง

รายชื่อชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit ที่ อย. รับรอง

https://www.itax.in.th/media/%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%88%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%94-rapid-antigen-test/

#ขอแจ้งสถานที่ที่สามารถติดต่อปรึกษา

#สำหรับผู้กักตัวอยู่ที่บ้านหรือรอเตียงเพื่อเข้ารักษาโควิค

ขณะนี้มีคลินิคการแพทย์แผนไทยที่มีความประสงค์จะขอเข้าร่วมกับทางสมาคมฯ ให้คำปรึกษาพร้อมจ่ายยาให้ท่านฟรี หากท่านใกล้ที่ไหนเรียนเชิญเข้ารับการปรึกษาได้เลยคะ

-#บุณยวรีคลินิกการแพทย์แผนไทย กรุงเทพมหานคร พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดค่ะ

เบอร์ หมอบุณย์ 0914462545

เบอร์ คุณนิตยา 0846821441

-#กฤชภาคลินิกการแพทย์แผนไทย ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

เบอร์โทร 0956451426

เบอร์โทร 0853935441

#อาศรมมงคลคลินิคแพทย์แผนไทย จังหวัดนนทบุรี

เบอร์โทร 081–2662356

-#วารินทร์ธร คลินิกการแพทย์แผนไทย

เบอร์โทร 0650538964 จ.กาญจนบุรี

-#คลินิกชิตชัยแพทย์แผนไทย พัทยา จ.ชลบุรี

เบอร์โทร 0814333400

เบอร์โทร 0993644465

หรือจะมีคลินิคแพทย์แผนไทยไหนมีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการกับสมาคมฯแจ้งมาในin box ได้ค่ะ #ทางสมาคมจะจัดส่งยาตำรับแผนไทยไปให้จ่ายผู้ป่วยฟรีค่ะ ร่วมด้วยช่วยกัน คนไทยจะรอดไม่สูญเสียคนที่รักจากไปต่อหน้าต่อตานะคะ

พี่น้อง ที่ติดเชื้อโควิด และต้องรักษาตัวเองที่บ้าน
ต้องการได้สมุนไพร รักษาตนเอง ติดต่อไปที่…

ทีมประสานงาน แต่ละภาค

1 ภาคกลาง
คุณหนึ่งพุทธ 083-0353031
คุณ ธาตุดิน 080-7717176
คุณ ติดดิน. 085 9815875
คุณ เดิมแท้. 097-1522537

2 ภาคเหนือ
คุณ มานพ 081-8884413
คุณสุพรรณ 089-8569399

3. ภาคอีสาน
คุณ กล้าเป็น 061-6907127
คุณตะกาธรรม0864516616
คุณ เห็นทุกข์ 088-5850267

4. ภาคใต้
คุณ ชัยวิทย์ 089-7364777
094-9424194

ยินดีรับใช้พี่น้อง ด้วยจริงใจไมตรี…
กลุ่มสัมมาธิปไตย และเครือข่ายแพทย์แผนไทย
ขอบคุณครับ

**เป็นการทำงานของกลุ่มสันติอโศก ที่จะจัดส่งสมุนไพรไทยที่ผลิตจากโรงงานที่ จ. อุบลราชธานี ยาสมุนไ่พรที่ส่งให้มีดังนี้

  1. ตำรับยาห้าราก มีชื่อเรียกอื่นว่า แก้วห้าดวง หรือเบญจโลกวิเชียร ประกอบด้วยสมุนไพรที่เป็นส่วนรากของพืช ห้าชนิดคือ

    รากชิงชี่
    รากหญ้านาง
    รากคนทา
    รากมะเดื่อชุมพร
    รากท้าวยายม่อม

    สรรพคุณตามตำรายาแผนไทย คือ ใช้กระทุ้งพิษต่างๆ หรือถอนพิษต่างๆ แก้ไข้ต้นมือ แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ไข้หัว แก้ไข้เพื่อดีและโลหิต

  2. “ตำรับยาโคคลาน” ประกอบด้วยเครื่องยา 4 ชนิด คือ โคคลาน 2 ส่วน ทองพันชั่ง โด่ไม่รู้ล้ม และมะตูม อย่างละ 1 ส่วน ทำเป็นยาต้มหรือยาเม็ด สรรพคุณแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้อักเสบกล้ามเนื้อ และแก้ปวดกระดูก น้ำต้มของตำรับยามีฤทธิ์แก้ปวด และต้านการอักเสบ

  3. โกโก้ ช่วยให้หลับสบาย 

มีค่าจัดส่งแบบธรรมดา ไม่เกิน 50 บาทจำกัดสิทธิ 1  คนต่อ 1 ชุด สามารถเก็บเงินปลายทาง หรือ ถ้ามีฐานะยากจน ไม่มีรายได้ สามารถแจ้งขอความอนุเคราะห์มา ทางกลุ่มจะจัดส่งให้ฟรี

สถานที่ตรวจโควิด-19

เวปจิตอาสา แสดงถึงคนป่วยโควิดที่รอเตียง

คลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่าง

https://www.jitasa.care

 

593 วัด ทั่วประเทศ เผาศพโควิด-19″ ฟรี

คลิกที่ลิงค์ด้านล่างค่ะ

 https://www.thairath.co.th/news/politic/2149156?utm_source=insider&utm_medium=web_push&utm_campaign=pol_covid_2149156_250721_1240_break&webPushId=MzcxMzQ=

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ช่วยเหลือคนจรจัด คนไร้บ้าน ไร้ที่พึ่งพิง

กดปุ่มลูกศร ด้านล่างค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *